เที่ยวระยองแบบนักท่องเที่ยวกับเขาบ้าง
ฉันเคยเป็นคนระยองมาก่อนค่ะ
ฉันเคยอยู่ระยองมาตั้งแต่ 3 ขวบ อยู่มาจน 11ขวบก็ต้องย้ายเข้ากรุง
บ้านฉันที่ระยองอยู่ริมทะเล ฉันเลยไม่เคยรู้สึกว่าอยากไปเที่ยวทะเลเลย
เนี่ยแหละน้าที่เขาว่ากันว่า อยู่ใกล้อะไรมักมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น
บ้านฉันอยู่ริมทะเล
เลียบหาดแม่รำพึง อยู่ตรงก้นอ่าว เวลากลับจากโรงเรียนฉันนั่งรถมองทะเลทุกวัน
เห็นทะเลตอนพายุเข้า เห็นทะเลตอนแดดเปรี้ยง เห็นฟ้าเน่าตอนหน้าหนาว
(ฟ้าเน่าคือท้องฟ้าสีหม่นๆเหลืองๆมีเมฆดำๆเหลืองๆลอยอยู่ เหมือนอะไรน้า)
ฉันเลยไม่มีความคิดอยากไปเที่ยวทะเล แล้วฉันก็ไขว่คว้าหาภูเขาและน้ำตก
(หลังจากที่ได้สัมผัสแล้วทั้งภูเขาและทะเล ฉันรักภูเขามากกว่าทะเลนะ) มันก็คงเหมือนเด็กๆบนดอยที่อยากมาเที่ยวทะเลก็ได้นะ ฉันเคยยืนชมวิวทิวทัศน์บนดอย
ฉันยืนชื่นชมกับทิวเขาสลับซับซ้อน เด็กน้อยคนหนึ่งถามว่า ‘มันสวยตรงไหนหรือครู’ แหม่
ออกจะสวยนะจ๊ะหนูน้อย
หนูน้อยบนดอยกับฉันก็คงไม่ต่างกัน
เราอยู่กับมันมานานจนมองไม่เห็นความสวยงามของมัน
ฉันย้ายมาอยู่เมืองกรุง
ห่างหายจากทั้งทะเล ภูเขาและน้ำตกมาเป็นสิบปี มาใช้ชีวิตเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป
คือวันหยุดต้องออกไปแสวงหาธรรมชาติ ออกไปหาทะเล ภูเขา และน้ำตก อยู่ในกรุงเจอแต่ป่าตึกและคอนกรีต
มีรถยนต์วิ่งไหลเป็นสายน้ำ
เมื่อเราเจอแต่สภาพแบบนี้ทุกวัน
แน่นอนว่าเราคงต้องอยากหาพื้นที่สีเขียวให้ได้สูดอากาศกันบ้าง และคราวนี้
ฉันเลือกที่จะไประยอง แต่ไปในฐานะนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เจ้าบ้าน ไปหาความสวยงามของน้ำทะเล
หาดทรายและแสงแดด ความสวยงามที่ฉันเคยมองข้ามมันไป ที่ได้ห่างหายมานาน
ฉันวางโปรแกรมทัวร์ของฉัน
อย่างกับบริษัททัวร์แน่ะ ช่วงหลังอ่านโบรชัวร์บริษัททัวร์มากไปหน่อย
ตารางเที่ยวฉันเลยออกมาเป๊ะอย่างนี้ คราวนี้ฉันเป็นคนขับรถเอง
แม่เปลี่ยนแผนฉันไม่ได้หรอก 5555
วันแรก-
ออกเดินทางสู่ระยอง ฉัน แม่ และน้องสาว พร้อมกันแล้วตอน7โมงกว่าๆ ฉันขับรถไปตามถนน
ขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์
นี่เป็นการขับรถมาระยองครั้งแรกของฉันตั้งแต่ขับรถเป็น
เราผ่านแม่น้ำบางปะกง**ตอนเด็กๆเคยได้ยินความเชื่อนึงที่ว่า
ระหว่างข้ามแม่น้ำบางปะกงให้กลั้นหายใจแล้วอธิษฐาน
สิ่งที่ขอจะเป็นจริง**ช่วงที่ฉันกำลังขับรถขึ้นสะพาน ฉันกับน้องก็เตียมตัว ฮึบ!! แล้วอธิษฐาน
พอขึ้นมาถึงกลางสะพาน...อุ๊แม่เจ้า !! รถติด!! ถ้ากลั้นหายใจจนลงสะพาน
ฉันว่าได้ขาดอากาศหายใจก่อนแน่ๆ การอธิษฐานนั้นเลยเป็นโมฆะไป
ฉันขับรถมาเรื่อยๆ
แซงรถบรรทุกบ้างประปราย จนในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายแรก “ตลาดเกาะกลอย”
เป็นตลาดเก่าที่สร้างใหม่ เขาใช้ไม้เก่ามาสร้างเป็นร้านค้า อยู่ริมสระน้ำขนาดใหญ่
ร้านขายของเยอะแยะมากมาย ขายทั้งของที่ระลึก ของกิน ของฝาก เสื้อผ้า ของกุ๊กกิ๊ก
ของโอท็อป น้ำพริกก็มีนะ
มีมุมที่แสดงประวัติโรงน้ำปลาตราชูตราชั่งด้วย ใช่ น้ำปลายี่ห้อนี้มีต้นกำเนิดมาจากระยองฮิ
อาหารกลางวันวันนี้เราก็กินที่ตลาดเกาะกลอยนี่แหละ
เคยเปิดเน็ตดูเขาว่ากันว่า มาที่นี่ต้องกินก๋วยเตี๋ยวกะลา ฉันก็เลยจัดก๋ยวเตี๋ยวกะลาไปหนึ่งชาม โธ่
มันก็คือก๋วยเตี๋ยวน้ำตกใส่ในชามที่ทำมาจากกะลานี่เอง
รสชาติก็...พอแหล่กไหล้...ไม่ได้อร่อยอะไรมากมาย แต่ก็ไม่แย่เกินไป
กินอิ่มแล้ว
อากาศก็ร้อนมาก ได้เวลาหาที่เย็นๆนอน ไป Check in เข้าที่พักกันเถอะ มาคราวนี้ฉันเลือกโรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง
เป็นโรงแรมในเมือง ที่เลือกที่นี่เพราะว่ามีสระว่ายน้ำ แล้วก็ใกล้ตลาด
หาของกินง่าย แถมราคาไม่แพง
ฉันหวังใจว่าจะได้ว่ายน้ำในสระ มโนว่าตัวเองเป็นนางเงือก
แต่ปรากฏว่าฝันของฉันต้องสลาย เพราะไม่กี่วันก่อนไประยอง เป็นวันแดงเดือดของฉัน
เฮ้ออ อดเป็นเงือกน้อยแอเรียลเลยค่ะ ฉันเข้ามาถึงโรงแรม check in แล้วก็นอนหลับพักผ่อนหลบแดด ที่นอนนุ่มมากๆ
คร่อกกก...
นอนกันจนเย็น
ได้เวลาออกไปหาของกินใส่ท้อง***ตลาดวัดลุ่ม เป็นตลาดสดในเมืองที่ฉันเดินมาตั้งแต่เล็กๆ
หลังเลิกเรียนแม่จะไปรับฉันมาเดินตลาดวัดลุ่ม ซื้อกับข้าวก่อนกลับบ้าน
ฉันเคยเดินหลับที่นี่...ใช่แล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่ค้าที่รู้จักกับแม่แซวตั้งแต่ฉันอยู่อนุบาลยันประถม
แม่ฉันจูงฉันเดินตลาด แวะร้านนู้นร้านนี้ การเดินตลาดของแม่ไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆเลย
แม่จะซื้อ จะต่อราคา จะเลือกของ และจะคุยกับแม่ค้า
ฉันที่เป้นเด็กน้อยคงทนง่วงไม่ไหว ก็เลย เดินหลับแม่งเลย
หลับแบบจูงมือแม่อยู่แล้วก็เดินไปหลับไปนั่นแหละ
วันนี้ฉันกลับมาเดินตลาดนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่หลับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ตำแหน่งของร้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านผัดไทยสีส้มใส่ปูสุดแซ่บ
แกงป่ากลิ่นหอมแรงที่อร่อยมาก ร้านผักดองที่กะละมังยังคงอยู่มุมเดิม
ร้านกุ่ยช่ายขนมผักกาดที่คนขายหน้าไม่เปลี่ยนเลย ร้านโจ๊กเด็กที่โตแล้วก็ยังชอบกิน
ร้านหมูสะเต๊ะเจ๊กุหลาบเลื่องชื่อเมืองระยอง และอีกหลายร้านอร่อย
เดินตลาดวัดลุ่มเสร็จแล้ว
ตามโปรแกรมต้องไปเดิน ถนนยมจินดา และไปกินกาแฟที่ร้าน ราย็อง
พอเดินเข้ามาในถนนยมจินดา ถนนสายเก่าของระยอง ปรากฏว่าเงียบเหงามาก
ไม่เห็นมีอะไรเลย บอกเลยค่อนข้างผิดหวัง
แต่ก็ยังมี พิพิธภัณฑ์เมืองระยองที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่
เราเดินเข้าไปในนั้น ไปดูรูปภาพเก่าๆของคนสำคัญของจังหวัดระยอง
ฉันเดินอยู่ในนั้นครู่นึง แล้วก็เดินออกตามหาร้านราย็องต่อ อยากกินโรตี ชานม
น้ำผึ้งมะนานโซดามาก
แต่เดินต่อไปก็ไม่เจอร้านซักที จนเห็นฝนมามืดเหมือนยานแม่จะบุกแล้ว
แม่กับน้องก็เลยชวนกลับดีกว่า ใกล้ถึงรถแล้ว ฝนลงเม็ดใหญ่ขึ้น เราวิ่งๆๆๆ
ขึ้นรถได้ทันพอดีก่อนฝนจะตกหนัก เปียกกันมาคนละเล็กคนละน้อย
ค่ำนี้เรากินอาหารที่ซื้อมาจากตลาดวัดลุ่ม
ทุกอย่างรสชาติอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน กินกันอย่างกับพายุโหมกระหน่ำด้วยความหิว
แล้วก็ไปอาบน้ำนอน หมดไปแล้วหนึ่งวัน
เช้าวันที่สอง
วันนี้เป็นวันเกิดแม่ แผนเดิมคือเราจะ check out ออกจากโรงแรมซัก10โมงแล้วไปทำบุญที่วัด
แต่แม่บอกว่าอยากใส่บาตรตอนเช้ามากกว่า ดังนั้นวันนี้ 6 ดมงเช้า ฉันกับแม่ก็ขับรถออกไปที่ตลาดวัดลุ่มกันสองคน
ทิ้งน้องขี้เซาให้นอนอืดอยู่ห้อง เราซื้อกับข้าวใส่บาตร
ที่หน้าตลาดมีพระมาบิณฑบาตรด้วย แม่ได้ใส่บาตรวันเกิด สบายใจ
แล้วเราก็กลับมาที่โรงแรม
กลับมากินอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ อาหารที่นี่อร่อยดี
และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใช้เครื่องทำแพนเค้ก กินข้าวเช้าซะอิ่มท้องกาง
แล้วก็ขึ้นไปหลับต่อบนห้องจน11โมง
เรา
check out ออกจากโรงแรม
เป้าหมายต่อไปของวันนี้คือ**ทะเล* ใช่แล้ว เราจะไปหาดแม่รำพึงกัน
และจะไปกินข้าวกลางวันกันที่นั่น ร้านที่เราไปกินคือ ร้านป้ายาซีฟู้ด
ร้านประจำของฉันตั้งแต่สมัยอยู่ระยอง
เมื่อก่อนนี้คนมากินร้านป้ายาก็ไม่เยอะเท่าทุกวันนี้หรอกนะ
แต่พอโซเชียลเน็ตเวิรค์ครอบคลุมทุกพื้นที่ ป้ายาก็ดังขึ้นมาทันที
คนรู้ข่าวจากพันทิพย์ก็แห่กันมา
กลายเป็นร้านใหญ่ร้านดังของหาดแม่รำพึงสูสีกับเจ๊พรปักษ์ใต้ คนเยอะ คิวยาว
ฉันรอข้าวผัดปูอยู่เกือบชั่วโมง
สุดท้ายก็ได้มาเป็นข้าวผัดทะเล
แถมได้ทีหลังโต๊ะข้างๆที่มาทีหลังอีกแน่ะ
หนูเซ็งกับป้ามากค่ะ ป้ายา พอคนเยอะ คุณภาพและบริการก็กลับลดลง แต่โดยรวมแล้ว รสชาติก็อร่อยใช้ได้
ฉันสั่งต้มยำกุ้งน้ำข้น หอยเชลล์ย่าง ยำวุ้นเส้นทะเล และข้าวผัดปู
ข้าวผัดปูนั้นมาหลังสุด ไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูปแล้วเพราะรอนานและหิวมาก
ส่วนหอยเชลล์ย่างก็ยังเหลือซากเปลือกให้ได้ถ่ายรูปไว้ดูอยู่เพราะตอนนั้นหิวจัด
กินซะลืมถ่ายรูปเลย
กินข้าวเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปเดินกินลม
ชมวิวทะเล อาบแดดตอนบ่ายสอง แดดนี่เปรี้ยงเลย
สีปากของฉันทามาแข่งกับแสงอาทิตย์เลยเชียว
ถ่ายรูปจนตัวดำก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายระยอง
บ้านที่เคยอยู่ กลับสู่กรุงเทพทะเลตึก
แล้วเราจะมาใหม่นะ ระยอง
จบทริปแล้วสำหรับเที่ยวระยองแบบนักท่องเที่ยวกับเขาบ้าง
รู้สึกเหมือนย้อนไปสมัยที่เคยอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไป
แต่ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเจริญขึ้น แต่วิถีชีวิตของคนระยองก็ยังคงเหมือนที่เราเคยได้เจอมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น