เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:8:.วัดหว่องไท่ซิน กับ(จมูก)สิงโตนำโชค


เครเดิลกับเพอร์รี่พาฉัน แมทธิว และซาช่า ลงรถไฟใต้ดินไปยังสถานีวัดหว่องไท่ซิน วัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของฮ่องกงที่ทัวร์เกือบทุกทัวร์ต้องพาลูกทัวร์มาเยือน  รู้สึกดีจังที่ฉันได้มาฟรี อิอิ ก่อนเข้าไปเครเดิลผู้บ้าเซลฟี่ก็จัดการถ่ายรูปหมู่ของพวกเราหน้าประตูทางเข้าวัด เมื่อฉันได้เข้ามาสัมผัสกับวัดจีนๆ ในประเทศที่เรียกได้ว่าเป็น 1 ในประเทศจีน ความรู้สึกมันแบบโคตรจะจีนเลยล่ะค่ะ มันต่างจากที่เราไปวัดจีนในประเทศไทย ด้วยความที่เป็น Original กลิ่นไอความเป็นจีนจึงเข้มข้นยิ่งนัก ทุกสิ่งก่อสร้างในวัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ทั้งซุ้มประตูทางเข้า ตัวอาคารหลัก หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ และที่ซุ้มประตูทางเข้านั่นเอง มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันสะดุดตา มันคือสัตว์ประหลาดที่ดูแล้วน่าจะเป็นสิงโต แต่มีแผงคอทรงเดียวกับทรงผมของโงกุนจากดราก้อนบอล เจ้าสิงโตทั้งสองตัวนี้นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าใหญ่ ตัวของมันเป็นสีดำ แต่ตรงจมูกเนี่ยสิคะ เป็นสีทองที่เกิดจากการลูบไล้ของมือผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งหลายที่มาเยือนวัดแห่งนี้ ฉัน ซาช่า และแมทธิวก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องลูบจมูกเจ้าสิงโตทั้งสองจนผิวพรรณตรงดั้งจมูกของมันกลายเป็นสีเหลืองทองขนาดนี้ด้วย เครเดิลบอกว่า “ไม่เคยได้ยินหรือจ๊ะ เขาเชื่อกันว่า ถ้าลูบจมูกสิงโตในวัดศักสิทธิ์เนี่ย จะทำให้มีโชคดีมีเงินมีทอง” อ๋อออออ อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะ ฉันแค่ร้องอ๋อเข้าใจ แต่แมทธิวเพื่อนชาวฝรั่งเศสเนี่ยสิ ไม่รอช้า เขาเดินตรงไปหาสิงโตน้อยๆตัวนั้น บรรจงลูบจมูกของมัน แล้วพึมพำ “Money Money Money” อย่างมีความหวัง อืมมม ฝรั่งก็เชื่อเรื่องโชคลาภได้เหมือนกันนะคะ งั้น ฉันเอาบ้างดีกว่า “Money Money Money” ฉันพูดบ้างและลูบจมูกสิงโตองครักษ์ที่หน้าประตู ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าไปภายในบริเวณวัด


เราขึ้นบันไดหลักมาจนถึงลานกว้างแห่งหนึ่งที่รายล้อมไปด้วยเทพเจ้าประจำปีนักษัตร ไล่มาจากทางซ้ายสุดเป็นปีชวดซึ่งมีเทพเจ้าหัวหนูยืนอยู่ ไล่ไปจนสุดที่ปีกุนหรือเทพเจ้าหัวหมูทางขวาสุดของลาน  นักท่องเที่ยวมากมายกำลังยืนถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นเทพเจ้าประจำปีนักษัตรของตัวเองอยู่ เครเดิลถามพวกเราทั้งสามคนว่าเกิดปีอะไรกันบ้าง ซาช่าและแมทธิวเกิดปีมะเส็งหรือเทพเจ้างูเล็ก ส่วนฉันเป็นน้องพวกเขาหนึ่งปี ปีมะเมียม้านั่นเอง แมทธิวผู้เป็น Photoholic ไม่รอช้าที่จะขอให้เครเดิลถ่ายรูปคู่กับเทพงูเล็กประจำตัวของเขา หลังจากนั้นเครเดิลจึงมาคะยั้นคะยอให้ฉันถ่ายรูปคู่กับเทพม้าของฉัน...เดี๋ยวนะ ปกติเค้ามีแต่คนที่ขอให้ถ่ายรูปตัวเองให้ไม่ใช่หรอ แต่เครเดิลคงอยากทำหน้าที่ไกด์ให้เต็มที่ เธออยากให้ฉันมีรูปคู่กับเทพม้าของฉันค่ะ เพื่อจะได้ยืนยันว่า “เนี่ยนะ เจินเจินเนี่ยมาถึงวัดหว่องไท่ซินแล้ว” โอเคค่ะ...ถ่ายก็ถ่าย เมื่อฉันถ่ายรูปคู่กับเทพมะเมียเสร็จ ฉันก็หันไปมองเทพม้าของฉัน โอ้วแม่เจ้า ไม่เพียงแต่จมูกสิงโตนำโชคหน้าวัดที่ถูกลูบไล้โดยผู้เลื่อมใสศรัทธา แม้แต่พุงของเทพปีม้าก็ยังเป็นรอยลูบไล้จนเป็นสีเหลืองทองเหมือนกันค่ะแต่ที่จมูกของท่านไม่เห็นเป็นรอยลูบสีทองเลย แน่ล่ะ สงสัยจมูกของท่านจะอยู่สูงเกินไปหน่อย ประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธาเลยได้แค่ลูบท้องของท่านแทน ฮ่าๆๆๆๆ ลูบจมูกไม่ถึงขอแค่ได้ลูบท้องก็ยังดี แมทธิวเพื่อนของฉันเขาดูตื่นเต้นและเอ็นจอยกับทุกสิ่งอย่างในวัดหว่องไท่ซินแห่งนี้ เขาลูบจมูกรูปปั้นสัตว์ทุกตัวที่เขาเดินผ่านในวัด พร้อมทั้ง “Money Money Money”  ไม่เว้นแม้กระทั่งเสาหินที่แกะสลักเป็นรูปมังกร จมูกมังกรหินก็โดนเพื่อนแมทธิวของฉันลูบไล้หมดแล้วล่ะค่ะ 





















จากนั้นเครเดิลก็พาพวกเราไปเสี่ยงเซียมซีกัน เครเดิลเดินนำไปหยิบกระบอกเซียมซีอย่างกระตือรือร้นมาให้ฉัน ฉันผู้ไม่ค่อยชอบเสี่ยงเซียมซีเท่าไหร่นัก ก็รับกระบอกเซียมซีที่เครเดิลส่งมาให้อย่างเสียไม่ได้ เอามานั่งเขย่าป้อกแป้กจนไม้หล่นมาหนึ่งอัน แน่นอนค่ะ มันเป็นตัวอักษรที่เป็นเลขภาษาจีน ฉันอ่านเลขออก แต่ทว่าอ่านคำทำนายที่แปะอยู่บนกระดานไม่ออกเนี่ยสิ จริงๆฉันก็รู้ตั้งแต่แรกล่ะค่ะว่าฉันคงไม่มีทางรู้คำทำนายหรอกเพราะเครเดิลนางก็ไม่ได้มานั่งแปลภาษาจีนให้ฉันฟังตามคำทำนายบนกระดานนั่น ฉันเซียมซีพอเป็นพิธีให้เครเดิลดีใจเฉยๆ  ส่วนแมทธิวรายนั้นรับกระบอกเซียมซีไปเขย่าป้อกแป้กอีกเหมือนกัน ที่สำคัญเขาให้ฉันช่วยถ่ายวีดิโอตอนที่เขาเซียมซีให้ด้วย แมทธิวเขย่ากระบอกเซียมซีอย่างขะมักเขม้น แต่ด้วยความที่แมทธิวไม่เคยเซียมซีมาก่อน เลยไม่มีทีท่าว่าไม้เสี่ยงทายจะหลุดออกมาเลย แต่แค่เขาได้วีดิโอภาพเคลื่อนไหวระหว่างที่เขย่ากระบอกศักสิทธิ์นั้น นางก็ฟินแล้วค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าฝรั่งก็บ้าดวงเหมือนกันนะเนี่ย ผิดกับอีกรายนึง ซาช่า รายนี้เขาชื่นชมวัดจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แค่เดินดูก็มีความสุขแล้วสำหรับซาช่า





















เครเดิลพาเราเข้าไปในสวน Good Wish Garden สวนสไตล์จี๊นจีนภายในวัด มีศาลา มีสะพาน มีสระน้ำ มีต้นไม้ดัดที่ทำเป็นรูปหยินหยาง ฉันชื่นชมในความงดงามอลังการและเอียดอ่อนทุกกระเบียดนิ้วของวัดนี้จริงๆค่ะ ทั้งรูปปั้นทุกๆตัว ทั้งหินแกะสลักขนาดเล็กใหญ่ ลวดลายรูปวาดต่างๆ ต้นไม้ทุกต้น ทุกอย่างดูมีความหมาย ดูมีคุณค่า คุณค่าที่คุณคู่ควรแก่การมาชมจริงๆ




เครเดิลพาเราเดินดูรอบวัดจนถึงเวลาปิดวัดพอดี พวกเราเดินออกมากันด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มกับวัดหว่องไท่ซินแห่งนี้ และต้องกลับไปที่ออฟฟิศ SCI เพื่อไปพบเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นๆที่ตามมาถึงฮ่องกงภายหลังแล้ว เครเดิลจะแยกจากเราตรงนี้ก่อน เพราะเธอมีธุระ และจะกลับไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่ออฟฟิศ SCI ดังนั้น ฉัน ซาช่าและแมทธิวจึงต้องหาทางกลับออฟฟิศเอง เอาล่ะสิ ต่างชาติทั้งสามคนกับฮ่องกงในวันแรกๆ  เครเดิลเป็นห่วงพวกเรามาก กลัวพวกเราหลงทาง แต่แมทธิวก็บอกว่า ไม่ต้องห่วง พวกเรามีกันสามหัว ไม่หลงแน่นอน เครเดิลวางใจ แล้วก็แยกกลับไปอีกทาง ฉัน ซาช่าและแมทธิวหาทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน ช่วยกันหาจุดเปลี่ยนสายรถไฟ และในที่สุดเราก็กลับมาถึงออฟฟิศ SCI ที่มีเพื่อนจากประเทศอื่นๆมารอแล้วจนได้ สถานีรถไฟใต้ดินที่ฮ่องกงไม่ยากขนาดนั้น ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day 2 : เที่ยววังในบางกอก ในตีมวนิดาตามหาคุณประจักษ์

เที่ยว1วันกับการรถไฟ ขี้มูกดำแค่ไหนเรารู้ดี