เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:9:.และแล้วเราก็ได้พบกัน สวัสดีเพื่อนๆอาสาสมัครนานาชาติ
ในที่สุด ฉัน ซาช่า และแมทธิวก็หาทางกลับมายังออฟฟิศ SCI ได้โดยสวัสดิภาพ
ฉลาดมากค่ะ
ภาพออฟฟิศที่ว่างเปล่าที่เราเห็นเมื่อเช้าตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลายเชื้อชาติ
เราทั้งหมดแนะนำตัวซึ่งกันและกัน นั่นทำให้ฉันได้รู้จักเพื่อนร่วมค่ายนี้ทุกคน
เริ่มจากเหล่าเจ้าหน้าที่ค่ายกันก่อน
แซม บอสชาวศรีลังกาของพวกเรา ผู้ก่อตั้งองค์กร SCI: Service Civil International Hong
Kong อย่างเป็นทางการ บอสผู้มาพร้อมความจริงจัง บรรยากาศบันเทิงเริงรื่นอาจจะสลายหายไปเมื่อแซมเริ่มต้นพูด
แพท นายหญิงของพวกเรา ภรรยาของแซมนั่นเอง
เธอเป็นชาวฮ่องกงและเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
บิลลี่ ชาวฮ่องกงผู้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง SCI ฮ่องกงร่วมกับแพทและแซม
คนดีที่ทุกคนรักแต่ตั้งคำถามเสมอว่า “เป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมบิลลี่ไม่มีแฟน?”
ซาร่า สาวชาวเยอรมนี เจ้าหน้าที่คนที่ฉันติดต่อด้วยมาตลอดตั้งแต่เริ่มสมัครค่ายและเป็นคนที่มารับฉันที่สนามบิน
ซาร่าน่ารักและคุยเก่ง เธอรู้วิธีเข้าหาผู้คนและทำให้คนที่คุยกับเธอสบายใจได้เสมอ และฉันก็ได้ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของซาร่าในช่วงท้ายของค่ายนี้ด้วย
ต้าตี้ ชาวจีนจากนครปักกิ่งที่มารับหน้าที่เป็นอาสาสมัครระยะยาวทำงานให้
SCI ฮ่องกงแห่งนี้ ต้าตี้เป็นคนตลก
และกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่งของฉันด้วยอุดมการณ์ที่คล้ายๆกันของเรา
เจโรล ชาวฮ่องกงที่มีสัญชาติอเมริกัน
เมื่อถามเจโรลว่ามาจากไหนและเขาตอบว่าอเมริกา
ทุกคนจะทำหน้าอึ้งจนเขาต้องขยายความต่อทุกครั้งว่าพ่อแม่ของเขาเป็นชาวฮ่องกงและเขาเกิดและอาศัยอยู่ที่อเมริกาเท่านั้นเอง
และฉันมักจะฟังเจโรลไม่ค่อยออกเพราะเขาพูดเร็วมาก
จนทำให้บทสนทนากร่อยตั้งแต่เริ่มต้นทุกครั้งไป
ฝาแฝดโดโรธีและมอลลี่ ชาวฮ่องกงที่มาเป็นอาสาสมัครพาร์ทไทม์ให้ SCI ฮ่องกง
ผู้ซึ่งคอยเป็นห่วงเป็นใยฉันอยู่เสมอว่าจะไปช๊อปปิ้งในที่ๆแพงเกินไป พวกเธอมีที่ช๊อปปิ้งของถูกแนะนำฉันอยู่ตลอดเวลา
และมาถึงคิวอาสาสมัครขาจรอย่างพวกฉัน ซาช่าและแมทธิวกันบ้าง อาสาสมัครที่ต่างเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำค่ายและมาอยู่ร่วมกันที่นี่
ฉันจับมือทักทายวาเนซซ่าอาสาสมัครจากอเมริกาเป็นคนแรก
เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันซัก 10 ปีได้ และเป็นอาสาสมัครนานาชาติระยะสั้นที่เป็นผู้หญิงอีกเพียงคนเดียวในค่ายนอกจากฉัน
สรุปคือ ทั้งค่ายนี้มีฉันกับวาเนซซ่าเป็นผู้หญิงอยู่สองคนเท่านั้น เหมือนมีพี่สาวที่น่าเคารพนับถือเพิ่มอีก
1 คน
คนต่อมา โยนาธานคุณพ่อลูกอ่อนจากเม็กซิโก
โยนาธานนี่เองที่ซาร่าและซาช่ารออยู่ที่สนามบินเกือบค่อนคืนเมื่อคืนนี้
แต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่เจอกัน โยนาธานจึงต้องนอนค้างคืนที่สนามบิน1คืนเต็ม
และเกิดอาการ jetlag อย่างรุนแรงในวันนี้
โยนาธานกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่งของฉันจากการที่เราภาษาอังกฤษอ่อนแอเหมือนกันเลยทำให้คุยกันรู้เรื่อง
เอ๊ะ!ยังไง
มาร์ดี้โยโน่ หรือเรียกสั้นๆว่ามาร์ดี้ ชายร่างเล็ก(ที่เกือบจะพอๆกับฉัน)จากอินโดนีเซีย
ผู้ที่ตามหา wifi อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะในออฟฟิศ ร้านอาหาร รถไฟใต้ดิน
หรือแม้แต่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บก็ตาม และเขาก็มักจะหายตัวไปจากกลุ่มบ่อยๆ จนมีวลีเด็ดประจำค่ายนี้ว่า
“Where is Mardi?!”
ซาทิช ครูสอนดนตรีวัย 40 ปี พี่ชายบุญธรรมของแซม ผู้มาพร้อมอารมณ์ขัน(ช่างตรงข้ามกับแซมโดยสิ้นเชิง)
เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่เราสื่อสารกันผ่านสารพัดเกมส์และการละเล่นศรีลังกาที่ซาทิชสรรหามาเล่นกับฉันและทุกคน
ภาษาเกมส์เป็นภาษาที่ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ แต่เราก็สนุกด้วยกันได้
ไม่ใช่แค่สนุกธรรมดานะคะ สนุกมากเลยล่ะค่ะ
จาร์กาต เพื่อนสนิทของแซมและซาทิช ผู้เป็นล่ามส่วนตัวให้กับซาทิช
หนวดเคราครึ้มๆของเขาทำให้ดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วจาร์กาตใจดีมากเลยทีเดียว
และอีกสองคนที่เราไปทัวร์ด้วยกันมาทั้งวัน
ขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
แมทธิว หนุ่มจากฝรั่งเศสผู้มาพร้อมความสดใสและพลังงานสูง เขาเป็นอาสาสมัครระยะยาวอยู่ที่มาซิโดเนีย
และช่วงนี้เป็นช่วงพักของค่ายมาซิโดเนีย เขาจึงเดินทางมาเป็นอาสาสมัครระยะสั้นที่ฮ่องกงแห่งนี้
และสุดท้าย ซาช่า หนุ่มจากเยอรมนี แว่นสายตาลายกระและรอยยิ้มอันอบอุ่นเป็นสิ่งที่เห็นทุกครั้งเมื่อมองเห็นเขา
แวบแรกที่เห็นคนจะคิดว่าเขาเป็นคนเคร่งขรึม แต่เปล่าเลย จริงๆแล้วเขารั่วใช่ย่อยเลยล่ะค่ะ เราพบกันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเหยียบประเทศฮ่องกงที่สนามบินแล้ว
และเขานี่เองที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในค่ายนี้
ทุกคนทำความรู้จักกันเรียบร้อย ซาร่าก็ไล่ให้ฉัน ซาช่า และแมทธิว
เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้นถัดขึ้นไปจากออฟฟิศ SCI พวกเราแบกกระเป๋าขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้น
10 ของตึก Youth Square ออกจากลิฟท์ เลี้ยวซ้ายเดินไปจนสุดทาง เราก็พบห้องพักขนาดใหญ่ ซึ่งมีเตียงทั้งหมด 6 เตียง ห้องพักสวยดูดีมีสไตล์
ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทำให้เรามองเห็นวิวด้านนอกเป็นตึกเล็กใหญ่และภูเขาลูกย่อมๆ เลอค่ามากค่ะ
แต่...เราทุกคนต้องนอนรวมกันในนี้ทั้งหมด
ต้องเข้าใจว่าทุกตารางนิ้วในฮ่องกงนั้นแพงแสนแพง และพวกเราเป็นอาสาสมัคร
ดังนั้นเราอยู่กันได้สบายมาก
เก็บกระเป๋ากันเสร็จเราก็กลับลงไปที่ออฟฟิศ SCI
ที่ตอนนี้ดูเล็กลงไปถนัดตาด้วยจำนวนคนเป็นสิบคนในห้องที่เล็กกว่าห้องนอนของพวกเราข้างบนซะอีก
ตอนนี้เครเดิลและเพอร์รี่ตามมาสมทบแล้ว เรารับประทานอาหารเย็นร่วมกันมื้อแรกของค่าย
อาหารไม่อร่อยเท่าไหร่แต่ความรู้สึกของพวกเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสชาติอาหาร แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราได้กินข้าวกับเพื่อนๆที่จะอยู่กับเราต่อไปอีกสองสัปดาห์ต่อจากนี้ต่างหาก
มันดีมากเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น