สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day 2 : เที่ยววังในบางกอก ในตีมวนิดาตามหาคุณประจักษ์
สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day 2 : 27 ธันวาคม 2557
หลังจากขาแทบหลุดจาก Day1 แต่ด้วยความไฝว้ของเราสองคน
วันนี้เราจึงออกเดินทางตะลุยกรุงเทพกันอีกครั้ง วันนี้เรามาในตีม
วนิดาตามหาคุณประจักษ์ พจมานตามหาชายกลาง ปริศนาตามหาท่านชายพจน์ ท่านหญิงวรรณรสาตามหาคุณชายปวรรุจ พอเถอะ !! เข้าวัง นั่งชิล
สิวขึ้น กันนะคะ
![]() |
หญิงพร้อมแล้วค่ะ |
แผนการตามหาคุณประจักษ์คร่าวๆที่เราจะไปวันนี้ได้แก่
พระราชวังพญาไท
พระที่นั่งวิมานเมฆ
ถ่ายรูปหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
พักกลางวันกินเที่ยงที่ร้านโรตีมะตะบะ ถนนพระอาทิตย์
และมิวเซียมสยาม
กลับบ้านพักผ่อนตามอัธยาศัย นอนสบายให้น่องหายโป่ง
พระราชวังพญาไท
เราเริ่มจากที่แรก เข้าวังพญาไทค่ะ
โอ้โห พระราชวังพญาไทสวยงามสง่า ตั้งอยู่ในเขตโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ตัวพระที่นั่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ ไบเซนไทน์ เราไปถึงประมาณ 9 โมงครึ่งพอดี
ค่าเข้าฟรีค่ะ
ตอนที่เราสองคนไปถึงก็มีนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มเล็กๆกลุ่มนึงยืนฟังมัคคุเทศน์บรรยายอยู่
คุณมัคคุเทศน์เป็นสาววัยกลางคน ผมซอยสั้น พูดให้ความรู้เรื่องประวัติของวังอยู่
พอเราไปถึง ก็เดินไปรวมกลุ่มกับคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว มัคคุเทศน์พาเราเดินไปรอบๆวัง
พร้อมกับบรรยายอย่างสนุกสนาน ปนมุขตลก
“มัคคุเทศน์เป็นคนตลก”
ประทับใจมากค่า
คือชอบที่ได้ทั้งความรู้แล้วก็ได้ฮาด้วย เราได้เห็นท้องพระโรง ห้องทรงงาน
ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องทรงพระอักษร ห้องสรงพระตำหนักหลังน้อยที่ชื่อว่าพระตำหนักเมขลารูจีซึ่งเป็นที่ทรงพระเครื่องใหญ่
(ตัดผม)
สวนโรมันที่กำลังซ่อมแซมแต่ดูแล้วว่าถ้าซ่อมเสร็จนี่สวยมากแน่ๆ แล้วก็ยังมี
คอนโดนกด้วย ตื่นตาตื่นใจมากๆ มัคคุเทศน์ยังเล่าถึงตำนานต่างๆของพระราชวังพญาไทอีกด้วย
มัคคุเทศน์เค้าบอกว่า ที่นี่ไม่เก็บค่าเข้าชมเพราะว่าที่นี่ก็เหลือแค่สถาปัตยกรรม
ไม่มีอะไรให้ดู ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ที่บอกเล่าเรื่องราว
มีแต่มัคคุเทศน์เนี่ยแหละ คอยเล่าให้ฟังเอง
โอ้ ประทับใจมากค่ะ มัคคุเทศน์ดีเป็นศรีแก่ที่เที่ยวนะ ด้วยความที่ไม่ต้องเสียเงินเข้าแต่เราได้รับอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนี้
ฉันเลยบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการบูรณะวังไป จะมีกล่องรับบริจาคตรงทางออก
ใครประทับใจก็ช่วยบริจาคกันเยอะๆนะคะ
![]() |
นี่คือคอนโดนก หรือที่ๆเอาไว้ให้นกมาทำรัง เป็นบ้านนกนั่นเอง |
![]() |
สวนโรมันที่กำลังปรับปรุง นี่คือแผนงาน เสร็จแล้วต้องสวยมากแน่ๆ |
![]() |
ภาพนกยูงเขียนสีบนปูนลายนูนต่ำ |
![]() |
โต๊ะเขียนหนังสือ |
![]() |
นี่คือสระว่ายน้ำส่วนพระองค์ในพระตำหนักเมขลารูจี |
![]() |
พระตำหนักเมขลารูจี เป็นที่ทรงพระเครื่องใหญ่ (ตัดผม) |
![]() |
ห้องบรรทมของรัชกาลที่ 6 |
![]() |
ห้องทรงพระอักษร |
![]() |
ตู้บิวด์อิน มีมาเป็นร้อยปีแล้วนะ |
![]() |
อ่างอาบน้ำภายในห้องสรง(ห้องน้ำ) |
![]() |
เพดานของห้องใดซักห้องนี่แหละ สวยมากๆ |
ชมวังกันจนเที่ยง เต็มอิ่มกับ2ชั่วโมงครึ่ง
เราก็มากินเค้กกับเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟนรสิงห์ ร้านนี้ก็มีที่มาที่ไป
มีประวัติยาวนานค่ะ แต่เดิมไม่ได้ตั้งอยู่ที่พระราชวังพญาไทหรอก เดิมตั้งอยู่ที่สนามเสือป่า
เป็นร้านกาแฟแห่งแรกในสยามด้วยนะ
สำหรับวันนี้ฉันสั่งสตรอเบอรี่สมูทตี้ น้องสาวสั่งโกโก้เย็น
แล้วก็มีเครปเค้กชาไทยขึ้นชื่อ อื้มหืมมม
เครปเค้กอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ น้ำชาจะไหล
![]() |
ภายในร้านกาแฟนรสิงห์ |
จบจากพระราชวังพญาไทเต็มอิ่ม2ชั่วโมงครึ่ง
เราก็ออกเดินทางโดยขึ้นรถเมล์ฟรีสาย 18 จากฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฏ
มุ่งหน้าไปทางถนนราชวิถี ผ่านพระตำหนักสวนจิตรลดา ผ่านสวนสัตน์ดุสิตหรือเขาดิน
พอเลยเขาดินปุ๊บ ก็ต้องเตรียมลง และลงป้ายหน้าค่ะ
พระที่นั่งวิมานเมฆ
เราลงมาตรงหน้าทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิตพอดี
พระที่นั่งวิมานเมฆเป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกก
ตื่นเต้นอีกแล้ว ค่าเข้าชมที่นี่สำหรับผู้ใหญ่คนไทย 75 บาท
ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาพกบัตรมาจะเสียค่าเข้าชมแค่ 20 บาทเท่านั้นเองค่ะ
พอซื้อบัตรเสร็จฉันก็กำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไป
มองเห็นทางด้านซ้ายมือของทางเข้ามีคณะทัวร์จีนยืนตั้งแถวกันอยู่
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างตกใจว่า “เฮ่ๆๆ ยูๆๆๆ คิว!!”เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่
2 คนที่นั่งเผ้าแถวทัวร์จีน ฉันก็ตกใจหันไปมอง
ไม่เห็นมีใครเดินมาอีกนอกจากฉันกับน้อง
ฉันเดินต่อ เสียงตะโกนดังอีก “เฮ่ๆๆๆ”
ฉันแสดงบัตรให้กับเจ้าหน้าที่ที่ประตูทางเข้า ในขณะที่เสียงตะโกนยังไม่หยุด
พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ที่ดูบัตรผ่านประตูของฉันก็บอกว่า นี่คนไทย เข้าได้เลยครับ
เสียงตะโกนเงียบลง
ค่าาาาาา!! นี่กูหน้าเหมือนคณะทัวร์จีนสินะ กลมกลืนซะไม่มีอ่ะ
และเราก็เดินเข้ามาจนถึงจุดฝากของ และตรวจเสื้อผ้า
ที่นี่เค้าเข้มงวดมากๆเลยค่ะ ต้องแต่งตัวสุภาพ กางเกงขายาว กระโปรงคลุมเข่า
เสื้อมีแขน ห้ามรัดรูป ห้ามยีนส์ขาด
ถ้าแต่งตัวมาไม่เรียบร้อยก็ต้องเสียเงินเช่าชุดหรือซื้อผ้านุ่งใส่เข้าไปค่ะ
นอกจากนั้นยังห้ามเอากล้องถ่ายรูปเข้าไป
ห้ามนำอะไรติดตัวเข้าไปทั้งสิ้นโดยจะมีล๊อคเกอร์ให้เช่า ตู้ละ 20 บาท คือ
ยังไงเราก็ต้องเสียเงินให้ล๊อคเกอร์ค่ะ
ก่อนเข้าประตูพระที่นั่ง ก็จะมีเจ้าหน้าที่หญิง2คนมาตรวจร่างกายเราว่าไม่ได้นำอะไรเข้าไปจริงๆ
นางลูบตัวดิฉันด้านข้างตัว โอ๊ยยยย จั๊กกะเดียมมากค่ะ พอดีดิฉันเป็นคนบ้าจี้ที่เอว
ในที่สุดก็ได้เข้าชมพระที่นั่ง โอ้โห อลังการงานสร้างมากๆ
ที่นี่ไม่มีมัคคุเทศน์ไทยเลยค่ะ เค้าปล่อยให้เราเดินชมกันเอง
คือถ้าอยากมีมัคคุเทศน์คงต้องมาเป็นหมู่คณะ เราเดินไปเจอทัวร์จีนหลายกลุ่มมากๆ
ดิฉันเงี่ยหูฟังมัคคุเทศน์บรรยายจีนกลาง ฟังออกบางคำ แต่ถึงเราไม่มีมัคคุเทศน์
แต่ที่นี่บอกเล่าเรื่องราวจากของที่จัดแสดงอยู่ภายใน ข้าวของเครื่อง ใช้
เฟอร์นิเจอร์ รูปภาพ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของจริง ดูแล้วปลื้มปริ่มมากๆ
ประทับใจจริงๆ ถึงเราจะไม่มีกล้องถ่ายรูป แต่กล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดก็คือ ตา ของเรานี่แหละ
และภาพประทับใจก็ถูกบันทึกลงในสมองเรียบร้อยแล้ว พระที่นั่งวิมานเมฆจัดทางเดินให้เรา
เดินไปตามทาง วนขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ จนครบทุกชั้น เราก็เดินตามทางไปอย่างเดียวค่ะ
รู้สึกประทับใจทุกๆอย่างยกเว้น “กลิ่นถุงเท้า”
เนื่องจากเราต้องถอดรองเท้าฝากไว้ด้านล่าง
แล้วในนี้ทั้งหมด ติดแอร์ค่ะ เริ่ดตรงนี้...ของใครบ้างก็ไม่รู้
ตัวเดินผ่านไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งกลิ่นเอาไว้เป็นระยะๆ
จากพระที่นั่งวิมานเมฆ เราสามารถเดินลัดเลาะภายในพระราชวังดุสิตไปถึงพระที่นั่งอนันตสมาคมได้ด้วย
เย่ๆๆๆๆ
ตอนแรกฉันแค่คิดว่าจะไปถ่ายรูปจากด้านนอกถนน
ให้เห็นฉากเป็นพระที่นั่งอนันฯ ให้เหมือนอยู่กรุงโรม อิตาลีเลยค่ะ
แต่ไม่คิดว่าจะโชคดี ได้มาถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด หลายๆมุมกับพระที่นั่งแบบนี้
โอ้ อากาศร้อนมาก เราเดินออกมาจากพระที่นั่งอนันตสมาคม
นี่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย
ต้องหาทางไปท่าพระอาทิตย์แล้ว แต่ จะไปยังไงดี เราออกมาเดินหลงอยู่บนถนนราชดำเนินใน
ตะลุยกรุงจริงๆค่ะวันนี้
มีฝรั่งมาถามทางเราด้วย แต่เราไม่อยากจะบอกว่าเราก็หลงเหมือนกันค่ะ
เราเลยบอกให้เค้าเรียกตุ๊กๆไป ส่วนเรา เดินหาทางกันต่อ
เราข้ามถนนมาตรงสี่แยก
และได้เจอกับ วังปารุสกวัน น้องสาวของฉันที่เป็นติ่งละครวนิดาจำได้ทันทีว่านี่คือ
บ้านพันตรีประจักษ์ มหศักดิ์ พระเอกของท้องเรื่อง
ฉากหน้าบ้านประจักษ์ก็คือหน้าวังปารุสกวันนี่เองค่ะ
ตอนนี้วังปารุสกวันเปิดให้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์ตำรวจแห่งชาติ แต่เนื่องจากวังนี้อยู่นอกแผน
เราก็เลยเข้าไปแค่โฉบๆ ถ่ายรูปหน้าวัง วนิดาตามหาบ้านคุณประจักษ์เจอแล้ววววว
แล้วเราก็เดินออกไปค่ะ
สุดท้าย เราก็เหมือนฝรั่งสองคนนั้น เราเรียกรถตุ๊กๆไปถนนพระอาทิตย์
มื้อเที่ยงวันนี้เราจัดข้าวหมกไก่คนละ1 และมะตะบะมากินด้วยกัน รสชาติคงไม่ต้องพูดถึง
ร้านนี้ชื่อเสียงระบือไกลอยู่แล้ว แต่เจ้าของร้านนี่ดุชิบเป๋งเลย
ไม่รู้แกไปกินอะไรมา จากนั้นเราก็เดินทางต่อ
รถเมล์หลายสายที่พาเราจากพระอาทิตย์ไปถึงมิวเซียมสยาม แต่เรายืนรอมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง
ก็มีรถเมล์ผ่านมาน้อยมากๆ แถมที่ผ่านมาแต่ละคันก็ไม่เห็นจะใช่สายที่เราอยากไปเลย
ก็อย่างนี้แหละน้า อะไรที่เรารอมันมักจะไม่มาซักที
อะไรที่เราไม่ได้รอมักจะผ่านมาอยู่บ่อยๆ ความรักก็เหมือนกัน เอ๊ะ !!
ในที่สุดเราสองคนทนไม่ไหว ขอจับตุ๊กๆอีกสักทีดีกว่า
เราเรียกตุ๊กๆไปมิวเซียมสยามกันค่ะ
ถึงแล้ว มิวเซียมสยาม ตอนที่เรามามีนิทรรศการท่าเตียนอยู่
ด้านหน้าของมิวเซียมสยามตอนนี้มีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
อยู่ด้วย เราเดินเข้าไปในตัวอาคาร
เพื่อจะซื้อบัตรเข้าชม ตอนนั้นเป็นเวลา บ่าย3 โมงครึ่งแล้ว
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า “รอ 4 โมงเย็นมั้ยคะ เข้าฟรี”
เฮ้ยยย คือดีงามอ่ะ รอสิคะ ช้าอยู่ไย
เราเลยรอด้วยการถ่ายรูปเล่น แอ๊ค แอ๊บ ทีเผลอนี่มาเต็ม
เราอยากถ่ายรูปแบบเน็ตไอดอลบ้างค่ะ ทำเป็นไม่มองกล้องงี้ ทำเป็นโดนแอบถ่ายงี้ 5555
![]() |
วนิดาติดโซเชี่ยวววว |
ที่นี่ใช้เป็นที่ถ่ายทำละครวนิดา เป็นที่ทำงานของคุณประจักษ์ค่ะ โอ้โห
นี่วนิดามาตามหาคุณประจักษ์ถึงที่ทำงานเลยนะคะเนี่ย แต่ไม่ยักกะเจอคุณประจักษ์ซะที
มิวเซียมสยามแห่งนี้
เคยเป็นกระทรวงพานิชย์เก่าค่ะ ยังมีป้ายเขียนว่ากระทรวงพานิชย์อยู่เลยค่ะ
ถ่ายรูปกันจนเหนื่อย ก็ถึงเวลาเข้าชมฟรีแล้ว
ชะนีน้อยทั้งสองเข้าไป
ห้องแรกเป็นห้องดูหนังสั้นอาร์ตๆที่จะบอกกับเราว่า
ต่อจากนี้เราจะเข้าไปเจอกับอะไรบ้าง
พอดูจบก็ได้เข้าชมนิทรรศการค่ะ เค้าจัดทางเดิน one way ให้เราเดินไปตามทาง
เข้าห้องต่างๆ เริ่มตั้งแต่ดินแดนสยามในยุคหิน ไล่ไปเรื่อยๆจนเป็นกรุงสุโขทัย
กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงวิวัฒนาการในยุคต่างๆของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร
แผ่นป้ายโฆษณาเก่าๆ ชุดไทยสมัยต่างๆ มีชุดไทยให้เราใส่ถ่ายรูปเล่นด้วยค่ะ
เราก็จัดไปซัก2 ชุด มีช่อง 4 บางขุนพรหม
มีวีดิโอถ่ายทอดตอนที่คนไทยได้เป็นนางงามจักรวาลด้วย
ฉันก็ไม่แน่ใจว่านั่นคือคุณอาภัสราหรือคุณภรณ์ทิพย์นะ แต่ที่เห็นคือ เมื่อเค้าได้รางวัลกลับมา
คนไทยก็จัดขบวนแห่นางงามไปตามถนนต่างๆ ลองนึกดู สมัยนั้นกับสมัยนี้ก็ไม่ต่างกันเลย
เวลาใครทำชื่อเสียงให้ประเทศกลับมาก็ต้องมีขบวนแห่
เหมือนขบวนนักฟุตบอลทีมชาติไทยเร็วๆนี้เลย เสร็จจากห้องนี้ก็เริ่มเข้าสู่ยุคปัจจุบันแล้วล่ะค่ะ
แล้วก็จบ
![]() |
หลักการและโครงสร้างของ "งอบ" |
![]() |
แม่หญิงเจินศรี สวัสดีค่ะ |
![]() |
นางสาวสยามในประวัติศาสตร์ |
![]() |
ลองเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 4 บางขุนพรหมหน่อยเป็นไง |
![]() |
พริตตี้มอเตอร์โชว์ยุค 60 ค่ะ |
มิวเซียมสยามเป็นอะไรที่สนุกดีนะมีของเล่นให้เล่นเยอะดี
ของทุกอย่างจับต้องได้ ถ้าเค้าไม่อยากให้จับ เค้าก็จัดไว้ในกล่องกระจก
หรือตู้กระจกไปเลย ดีค่ะดี ทำให้เราได้สัมผัสอะไรได้จริงจัง
วันนี้เราก็จบภารกิจที่มิวเซียมสยาม เต็มอิ่มแล้วกับ2วันไม่ค้างคืน
ขากลับเราก็หาป้ายรถเมล์ไม่เจออีกต่างหาก เราก็เลยต้องเดินเลารั้วพระบรมมหาราชวัง
ไปจนถึงหน้ากรมศิลปากรนู่น ถึงจะเจอรถเมล์กลับบ้าน ถึงตอนนี้เราเดินแทบไม่ไหวแล้วค่ะ
วนิดาหมดสภาพมากๆ แต่ก็สนุกมากๆและรู้สึกว่าเที่ยวคุ้มเหลือเกิน เพราะเราซึมซับบรรยากาศและความรู้ของแต่ละที่มีอย่างเต็มล้น
ยังมีอีกหลายที่ที่ตกจากแผนไปเพราะเวลาไม่พอ
ไว้วันหลังเราจะเก็บให้ครบเลยล่ะค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น