สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day1 : เที่ยวกรุงแบบคนกรุง
สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day 1 : 26ธันวาคม 2557
จริงๆแล้วตามแผน วันนี้ฉันและน้องสาวจะไปพิชิตภูกระดึงกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง แต่เกิดเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้เราต้องยกเลิกการไปพิชิตภูกระดึงกัน ฉันกับน้องสาวก็เลยคิดหาทริปใกล้ๆบ้านและประหยัดงบ และสิ่งที่ออกมาจากก้นบึ้งสมองของเราสองคนพี่น้องก็คือ การไปตะลุยเที่ยวในบางกอกของเรานี่แหละ
เราอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาตั้งนาน แต่เราก็ยังไม่รู้จักกรุงเทพดีพอ มีที่เที่ยวตั้งหลายที่ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม และครั้งนี้ เราจะไปตะลุยกรุงเทพ เมืองดัดจริต...ชีวิตต้องป๊อป เราทำการลิสต์ที่ๆน่าไปเที่ยวออกมาเต็มหน้ากระดาษ A4 แต่สุดท้ายแล้ว เราก็เลือกออกมาเป็นทริป2วันไม่ค้างคืน
Day 1 ออกเดินทาง ณ จุดเริ่มต้น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
วันนี้เราจะไปเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้า BTS เราซื้อบัตรประเภท 1
วัน 130 บาท นั่งได้ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดเวลา
นั่งได้ทั้งวันยันเที่ยงคืนของวันนี้ ซื้อบัตรใบนี้ใบเดียวจะนั่งไปเที่ยววนไปวนมา วนมาวนไป
กี่รอบก็ได้ ซื้อบัตรเสร็จปุ๊บ เราก็นั่งมา 1 สถานี ที่แรกของวันนี้คือ
วังสวนผักกาด
วังสวนผักกาด เคยเป็นที่ประทับของ
พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต
ปัจจุบันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่ยุคบ้านเชียง
มีกำไลข้อมือที่มีกระดูกท่อนแขนอยู่ข้างในด้วย บรื๋ออ... ขนลุกมากค่ะ คือบอกเลยว่า
เช้าวันศุกร์เนี่ยคนก็มาพิพิธภัณฑ์น้อยมากๆ
ในอาคารแรกที่เราไปเดินไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่เลย และเราก็เดินไปที่เรือนหลังที่2
หรือหอเขียน ซึ่งมีภาพวาดลายรดน้ำเก่าแก่ บรรยากาศน่าขนลุกอีกเหมือนเดิม
เรารีบเดินรีบออก เพราะไม่มีคนอยู่ในนี้เลย
ในวังสวนผักกาดเป็นหมู่เรือนไทย 8
หลังเชื่อมกัน ข้างในก็มีทั้งห้องจัดแสดงโขน เครื่องดนตรีไทยโบราณ เปลือกหอยโบราณ
หิน แร่ และเขาสัตว์ เครื่องถ้วยชามสังคโลก เครื่องใช้ส่วนพระองค์ เทวรูป
พระพุทธรูป และเศียรพระพุทธรูป เดินต่อมาอีกหน่อยเราถึงเจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
ทำให้อุ่นใจขึ้นมานิดนึง แต่คนก็น้อยมากๆ
(ปล. ที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปแค่รอบนอก ในสวน ไม่ให้ถ่ายข้างในห้องจัดแสดง)
(ปล. ที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปแค่รอบนอก ในสวน ไม่ให้ถ่ายข้างในห้องจัดแสดง)
ที่นี่เปิดทุกวันทร์ ตั้งแต่9.00-16.00
เสียตังค์ 50 บาท
ที่ต่อมา จริงๆแล้วเราจะไปพิพิธภัณฑ์บ้านจิม
ทอมป์สัน แล้วต่อด้วยท้องฟ้าจำลอง แต่เวลาฉายดาวที่ท้องฟ้าจำลองมีเป็นรอบๆ
และรอบที่เร็วที่สุดคือ 11 โมง เราจึงเปลี่ยนแผนไปท้องฟ้าจำลองกันก่อน
แต่ก็ไปไม่ทันรอบ 11 โมง มีเป็นรอบบ่ายโมงแทน เราจองรอบบ่ายโมง
แล้วออกไปหาข้าวกินที่ Terminal 21
Terminal 21 ห้างใหญ่ย่านอโศก ที่มีห้องน้ำน่ารักมากๆ แต่ละชั้นของที่นี่จะมีconcept เป็นประเทศต่างๆ และห้องน้ำที่เราเข้า ก็มี concept เป็นโรงเบเกอรี่ เรากินข้าวเสร็จก็รีบกลับไปที่ท้องฟ้าจำลองก่อนเวลานิดหน่อยเพื่อรอดูดาวกลางวันแสกๆ โรแมนติกชะมัด
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
ฉันเคยมาที่นี่ครั้งแรกตอน ป.4 เพราะที่โรงเรียนพามา
ตอนนั้นเป็นยังไงฉันก็จำไม่ได้แล้ว
แต่วันนี้มันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ เราเข้าไปที่อาคารฉายดาว
ที่เป็นอาคารรูปโดม มองจากข้างนอกเป็นลายลูกโลกนั่นล่ะ พอเข้ามาถึง
ข้างในเป็นห้องทรงกลม มีเพดานเป็นโดมครึ่งทรงกลม ตรงกลางมีเครื่องฉายดาวขนาดใหญ่
ล้อมรอบด้วยเก้าอี้นั่งหนังสีแดงที่เอนได้นิดเดียว เอ่อะ!! คงจะต้องแหงนคอดูเอาเอง
ฉันคิดว่าเก้าอี้จะเอนราบได้มากกว่านี้ซะอีก พอฉายจบเล่นเอาคอเคล็ดกันเลยทีเดียว
![]() |
นี่คือเครื่องฉายดาวนะ |
โต้วโหววววว!! อลังการดาวล้านดวงมันเป็นอย่างงี้น่ะเองงงงงง ว้าววๆๆๆๆๆ เด็กๆและคนดูทุกคนรวมทั้งฉันกับน้องส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ โหวววววว ว้าววววววว เขาฉายดาวให้เราดูได้ครึ่งนึงของเวลาทั้งหมดในนี้ อีกครึ่งหนึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับการสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งพิ้งกี้ศรีไสวน้องของฉันก็หลับคอพับอยู่บนเก้าอี้ซะแล้ว
ท้องฟ้าจำลองปิดทุกวันจันทร์กับวันหยุดนักขัตฯ
เปิดตั้งแต่9.00-16.30
มีรอบฉายดาววันละ2-4รอบ แล้วแต่คนเยอะมั้ย เสียค่าเข้าชม 30 บาท
แต่วันที่ฉันไป ไม่รู้ทำไมได้เข้าฟรี สงสัยฉันสวย อะคิอะคิ
มีรอบฉายดาววันละ2-4รอบ แล้วแต่คนเยอะมั้ย เสียค่าเข้าชม 30 บาท
แต่วันที่ฉันไป ไม่รู้ทำไมได้เข้าฟรี สงสัยฉันสวย อะคิอะคิ
จบจากท้องฟ้าจำลอง เราเหลือพิพิธภัณฑ์อีก2
ที่ ที่จะไปวันนี้คือบ้านจิม ทอมป์สัน และพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก แต่ดูจากเวลาแล้ว
เราคงต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เราจะมาหลายใจ จับปลาสองมือไม่ได้
เราจึงเลือกทิ้งจิม จิม ฉันขอโทษนะ เราคงไปด้วยกันไม่ได้
ไว้ว่างๆฉันจะไปหาเธอนะจิม
เรานั่งรถไฟฟ้าไปสายสีลม ลงที่สถานีสะพานตากสินเพื่อลงมายังถนนเจริญกรุงและหาทางไปซอยเจริญกรุง
43 ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ตอนแรกเราเดินหาเพราะคิดว่าคงจะไม่ไกล
เดินไปริมถนนเจริญกรุง เดินไปจนถึงโรงเรียนอัสสัมชัญ
โอ้วววววววว
เรามองเข้าไปในโรงเรียนแล้วเราก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นเด็กผู้ชายกางเกงน้ำเงิน !!
ผิดๆๆ ไม่ใช่ๆ เราเห็นอาสนวิหารอัสสัมชัญต่างหาก สวยงามอลังการมากจนเราต้องตะลึงไปเลย
แต่เราก็ต้องจำใจเดินจากมาเพื่อไปหาบ้านของขม (ใครไม่ดูดงผู้ดีอาจงงได้)
แต่เดินไปเราก็ไม่เจอซอย43ซักที เราจึงเดินไปถามอากู๋
Google Map ยังไงล่ะ ตามกู๋มา กู๋บอกว่า อีกไกล !!!
เพราะถึงเราจะเห็นซอยเจริญกรุง 47/3 แล้ว
แต่มันก็ยังมี เจริญกรุง 47/2 47/1 แมร่ง มีจนทับอินฟินิตี้เลยมั้ย? พอและ ตุ๊กตุ๊กดีกว่า เราเรียกรถตุ๊กตุ๊ก บอกเค้าว่า ไปเจริญกรุง 43 ค่ะ
พอเข้ามาในซอย เรามองซ้าย ขวา ซ้าย ก็ไม่เจอพิพิธภัณฑ์ ตุ๊กๆเองก็ไม่รู้จัก
ก็ให้เค้าขับไปจนเกือบสุดซอยล่ะค่ะ ในใจก็ตุ๊มๆต่อมๆ มาผิดที่ป่าววะกู? แต่แล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆ เราเจอแล้ว
อยู่ซะเกือบสุดซอยแถมมีทางด่วนพาดผ่านด้วยนะคะบ้านหลังนี้
![]() |
ถนนเจริญกรุง พ.ศ.2557 |
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก
เดิมบ้านหลังนี้เป็นของอาจารย์วราพร สุรวดี
ซึ่งก็เป็นสมบัติของแม่ของท่านอีกทีหนึ่ง
และท่านก็มอบให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงวิถีชีวิตของคนกรุงเทพในยุคก่อน
(ปัจจุบันอาจารย์วราพรท่านยังอยู่นะ และเราก็ได้เจอกับท่านในวันนี้ด้วยล่ะ
ท่านกำลังกำกับเจ้าหน้าที่ให้ตัดกิ่งต้นไม้อยู่)
ซึ่งรวมๆแล้วเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละ
ใครนึกไม่ออกก็ลองนึกถึงละครเรื่องไทรโศก ดงผู้ดี เมื่อดอกรักบาน วนิดา
พอเข้ามาถึงก็มีห้องรับแขก มีเปียโน มีส้วมโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
เห็นแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสงครามโลกและมโนว่าตัวเองเป็นหนูขมในดงผู้ดีเลยทีเดียว
เราได้เห็นกล่องไม้ขีดไฟเก่า กรรไกรตัดผมโบราณ กรรไกรซอยก็มีนะ เครื่องพิมพ์ดีด
โทรศัพท์ กระเป๋าเดินทาง คือทุกอย่างมันใช่!! ทุกอย่างมีเรื่องราว รู้สึกประทับใจที่นี่มากๆเลยจริงๆ
ฟินไปอี๊กกกก ก่อนกลับ เจ้าหน้าที่ชวนเราซื้อโปสการ์ดแล้วบอกว่า
เขียนส่งที่นี่ได้เลยนะครับ ฉันถาม “ส่งไปไหนดีอ่ะคะ?”
เค้าตอบกลับมา “ส่งไปหาตัวเองไงครับส่งที่นี่
จะได้ปั๊มตราบางรักด้วย” เออเนอะ เป็นความคิดที่ดีค่ะ
ฉันจัดการซื้อโปสการ์ดเป็นการอุดหนุนพิพิธภัณฑ์ที่ฉันประทับใจ
เพราะที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะ
ฉันเขียนโปสการ์ดหาตัวเองและออกมาจากบ้านพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก บ้านผู้ดีเก่าย่านเจริญกรุง ออกมาตอนเค้าปิดพอดีเลยค่ะ โฮะๆๆ
ฉันเขียนโปสการ์ดหาตัวเองและออกมาจากบ้านพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก บ้านผู้ดีเก่าย่านเจริญกรุง ออกมาตอนเค้าปิดพอดีเลยค่ะ โฮะๆๆ
![]() |
นี่กำลังเขียนโปสการ์ดหาตัวเองอยู่ |
ประทับใจที่นี่เพราะถ่ายรูปได้ทุกซอกทุกมุม
ที่นี่ใช้เป็นที่ถ่ายละครหลายๆเรื่องด้วยล่ะ ที่นี่ปิดเฉพาะวันจันทร์ อังคาร
นอกนั้นเปิด ตอน10.00-16.00 ไม่เสียค่าเข้าด้วย ปลื้มมมมม
![]() |
ห้องรับแขก |
![]() |
โต๊ะเครื่องแป้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 |
ที่ต่อไป ได้แรงบันคาลใจมาจาก MVเพลงเพื่อนในฝัน ของปานธนพร และก็หนังเรื่อง 30 กำลังแจ๋ว
จริงๆมันก็อีกหลายเรื่องแหละ
มันคือสะพาน Sky walk เชื่อม
BTS ช่องนนทรีกับ BRT ถนนนราธิวาสราชนครินทร์นั่นเอง
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เห็นในจอแล้วมันดูสวยดีน่าถ่ายรูป เลยอยากมาถ่ายรูปที่นี่บ้าง
ก็แค่นั้นเอง 55555 งานเผลอก็มา candid แบบจงใจบ้างไม่จงใจบ้าง
และแล้วก็ได้เวลาไปเดินชิลที่ เอเชียทีค เรียกว่าเดินชิลก็ไม่เชิง เพราะตอนนั้นขาเราเริ่มเป๋แล้ว ปวดตรีนมากค่ะบอกเลย แต่เราก็ไฟท์เพื่อให้ Mission Complete ก็กลับขึ้น BTS ไปลงสะพานตากสินเหมือนเดิม แล้วก็นั่งเรือรับส่งของเอเชียทีคจากท่าสาทร เรือฟรีค่ะเรือฟรี
ไปถึงเอเชียทีค เราก็ถ่ายรูปๆๆๆๆๆๆๆ
อย่างเดียว บรรยากาศก็ตีมย้อนยุคอีกเช่นเคย ถามว่าซื้อของมั้ย ตอบเลยว่าไม่
เพราะที่นี่เค้าเน้นขายนักท่องเที่ยวค่ะ ราคานี่ อู้ยยย เห็นแล้วปวดตับแท้ๆ
เราก็ถ่ายรูปๆๆๆๆ มโนว่าเป็นท่านหญิงกันไป เดินไปเดินมา
ก็หิว ลงเอยกันที่ KFC
ใช่ค่ะ ทริปนี้เป็นทริปประหยัด
เราไม่เลือกกินอะไรหรูหราไฮโซอยู่แล้ว เรามาเพื่อกินบรรยากาศกันเท่านั้น
ดังนั้นเราจึงเลือกกินไก่สด เอ้ยผิดๆ ไก่ทอด เพื่อความประหยัดตามคอนเซ็ป
และแล้วก็ล่องเรือกลับไป BTS นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้ ต่อมอไซค์ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
จบทริปวันแรกของเรา
ตอนแรกเรากะจะหาที่ค้างคืนแบบฝรั่ง backpack ค่ะ แต่ด้วยงบประมาณอันจำกัด
กลับไปนอนบ้านเราดีกว่าค่ะ แล้วมโนเอาว่านี่เป็นเกสท์เฮ้าส์
สบายกระเป๋ากว่ากันเยอะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น