เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:11:.วันที่ดูเหมือนจะว่าง

วันนี้เป็นวันที่พวกเราไม่ต้องออกไปไหน ไม่มีภารกิจนอกสถานที่ ดูเหมือนจะว่างใช่ไหมคะ แต่เปล่าเลย เราทุกคนต้องเตรียมงานที่เป็นภารกิจหลักของเรา ภารกิจที่นำพาทุกคนมายังค่ายแห่งนี้ Human Library หรือห้องสมุดมนุษย์นั่นเอง 

อาสาสมัครทุกคนจะต้องทำตัวให้เป็นหนังสือพูดได้ ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของประเทศตัวเองให้เด็กๆชาวฮ่องกงฟัง เราจะเดินทางไปบอกเล่าเรื่องราวของเราที่โรงเรียนต่างๆ ทั้งโรงเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมการกันซักหน่อย สำหรับฉัน ฉันนำบัตรภาพสถานที่สำคัญของไทย ที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ประเพณีไทย การละเล่นเด็กไทย และน้องมะม่วงอูคุเลเล่ของฉันมาร้องเพลงไทยให้เด็กๆฮ่องกงฟังด้วย  

เรานั่งทำงานกันอยู่ในออฟฟิศ SCI ระหว่างที่ฉันนั่งเขียนสคริปส่วนตัว ส่วนคนอื่นๆก็เตรียมของเล่น เกมส์ หรือบัตรภาพไปพร้อมๆกับหาเรื่องมาคุยกัน
“เธอชอบสัตว์อะไรที่สุด” ใครคนนึงถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“ฉันชอบหอยทาก” ฉันตอบออกไป ทุกคนดูแปลกใจที่ผู้หญิงที่หน้าตาดูรักหมาอย่างฉัน กลับชอบสัตว์เลื้อยคลานที่มีเมือกลื่นๆ แต่ไม่ได้รักหมาเลยสักนิด
“ถ้าหอยทากเดินอยู่กลางถนน แล้วกำลังจะโดนเหยียบ เธอจะทำยังไง” ซาช่าถามฉัน
“ฉันก็แค่หยิบมันออกไปจากทางเดินแล้วเอาไปไว้บนพื้นหญ้า” ฉันตอบตามประสบการณ์ที่เคยทำ
“เพื่อนของฉันคนหนึ่งก็ชอบหอยทาก แล้วเธอรู้ไหมว่าเขาช่วยหอยทากพวกนั้นยังไง...เขาเอาสีสะท้อนแสงไปทาไว้บนเปลือกหอยทาก คนที่เดินผ่านมาจะได้สังเกตมันง่ายๆและไม่เหยียบมัน” ซาช่าเล่า

ผมนี้อึ้งไปเลยครับ ไม่คิดว่าจะมีคนที่รักและทุ่มเทเพื่อหอยทากได้มากมายขนาดนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ารักดีนะที่ได้รู้ว่าทางอีกซีกโลกนึงก็มีคนรักหอยทากเหมือนกับฉัน เราเตรียมงานกันจนเที่ยง วันนี้เราต้องออกไปหาข้าวกินข้างนอก เพราะต้องรีบกินและรีบกลับมาทำงานต่อ ระหว่างทางเดินกลับ ฉันเริ่มเปิดประเด็นใหม่
“หมาบ้านฉันร้องโฮ่งๆ หมาบ้านพวกเธอร้องยังไงกัน” ฉันถามโยนาธาน แมทธิวและซาช่า
“หมาบ้านฉันร้อง ฮูฟๆ” โยนาธานตอบ
“ของฉันก็ร้องฮูฟๆ” ซาช่าเสริม อ๋ออ หมาเม็กซิกันกับหมาเยอรมันร้องเหมือนกันนี่เอง
“แต่หมาบ้านฉันร้องวาฟๆนะ” แมทธิวเล่าถึงหมาฝรั่งเศสบ้าง 
แล้วเราก็ถามถึงเสียงแมว เสียงไก่ เสียงเป็ด และอีกมากมายหลายสัตว์ที่เราแชร์กันพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เพราะขำเสียงสัตว์ที่ฟังดูประหลาดของประเทศเพื่อน นี่เป็นหัวข้อที่ฉันชอบมากที่สุดเลยล่ะ

หลังจากได้แลกเปลี่ยนเสียงสัตว์ของแต่ละประเทศแล้ว โยนาธานก็เริ่มสรรหาเกมส์มาเล่นกับทุกคน ส่วนใหญ่แล้วเป็นเกมส์ที่เล่นด้วยมือ เกมส์ของบ้านเขากับบ้านเราก็คล้ายกันเลยล่ะค่ะ อย่างเช่นเกมส์ที่เล่นสองคน คนนึงเอามือแบไว้ด้านล่าง อีกคนคว่ำมือไว้ด้านบน แล้วมือด้านล่างก็ต้องตวัดมาตบมือด้านบนให้เร็วที่สุด ส่วนมือด้านบนก็ต้องหนีให้เร็วที่สุด ฉันนั่งเล่นเกมส์กับโยนาธานอย่างสนุกสนานกันอยู่สองคน คนอื่นเขาตั้งใจทำงานกันอยู่น่ะสิ เหอๆ

ซาร่านำงานใหม่มาให้พวกเราช่วยกันทำอีกสองอย่าง อย่างแรกเลยคือการเขียนตารางเวลาของค่ายเราตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันจบค่ายลงในกระดาษแผ่นใหญ่ยักษ์ เพื่อเอาไว้แปะฝาผนังดูกัน และอีกงานหนึ่งก็คือ คิดเมนูอาหาร!! สำหรับช่วงครึ่งหลังของค่าย เราจะไม่ได้ทำตัวเป็นห้องสมุดมนุษย์แล้วค่ะ แต่จะเป็นค่ายเยาวชน Capacity Building Camp เด็กมัธยมจาก 5โรงเรียนจะมาเข้าค่ายร่วมกันเพื่อปลูกฝังลักษณะนิสัยและการใช้ชีวิต พวกเราจะมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยดูแลกิจกรรมฐาน ทำอาหารและของว่างเพื่อให้กิจกรรมในค่ายดำเนินไปอย่างราบรื่น อาสาสมัครจะแบ่งกันเป็นสองทีม ทีมแรกคือทีมทำฐาน อีกทีมคือทีมทำอาหาร วาเนสซ่า ซาทิช และจาร์กาตเลือกอยู่ทีมทำฐาน ด้วยความที่ทั้งสามดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ส่วนแก๊งเด็กอย่างฉัน โยนาธาน ซาช่า และแมทธิว ก็เลือกอยู่ทีมทำอาหาร ส่วนมาร์ดี้ เขาบอกว่าเขาทำอะไรก็ได้ เขาเลยไม่เลือกทำอะไรสักอย่างเดียว ทุกคนปล่อยเขาไป

ทีมทำอาหารของเรามานั่งคิดกันว่าแต่ละวันของค่ายเยาวชน จะมีอาหารชาติไหนเป็นมื้ออะไรบ้างเราเปิดหนังสือสูตรอาหารที่ซาร่าเอามาวางไว้ให้ และชี้ชวนกันดูอาหารหน้าตาน่ากิน แต่ก็จนปัญญาที่จะทำ สุดท้ายเราจึงตัดสินใจเลือกเมนูอาหารที่ทำได้ง่ายๆในปริมาณมากๆ เพราะแต่ละคนไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำอาหารครั้งละมากๆมาก่อนเลย Topic อาหารเป็น Topic ที่พูดถึงเมื่อไหร่ก็อารมณ์ดีและเป็นเรื่องที่คุยกันได้ทั้งวี่ทั้งวันจริงๆค่ะ พูดแล้วก็หิว

แต่มื้อเย็นวันนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างสวนทางกับจินตนาการเรื่องอาหารของพวกเรา อาหารเย็นวันนี้เป็นฝีมือของเจโรล ปกติคนที่ SCI บอกว่าเจโรลทำอาหารอร่อย แต่วันนี้เจโรลต้องทำอาหารในครัวที่อุปกรณ์ไม่พร้อมเท่าไหร่...ฉันไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันไหม แต่ผัดผักรวมมิตรที่มีแครอท ถั่วงอก หอมใหญ่ ต้นหอม และข้าวโพดอยู่ในจานเดียวกันกับรสชาติที่ไปกันละทางของมัน และข้าวสวยที่เหม็นสาบก็ทำให้มื้อเย็นวันนี้ของฉันไม่ค่อยเจริญอาหารซักเท่าไหร่นัก เฮ้ออ คิดถึงอาหารไทยจัง
พรุ่งนี้เป็นเวรทำกับข้าวของฉันล่ะ เดี๋ยวจะแสดงให้ทุกคนเห็นเองว่าอาหารที่อร่อยน่ะ มันหน้าตาเป็นยังไง หึหึ

หลังอาหารเย็น ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมงานของตัวเองต่อ บางคนก็กลับห้องไปพักผ่อน แต่ฉันเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว และก็ยังไม่อยากกลับห้อง เลยนั่งเล่นอยู่ที่ออฟฟิศต่อ ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ฉัน ซาร่าและซาช่า

ซาช่ายังคิดเกมส์ไม่ออก เขาปรึกษาซาร่าถึงเกมส์ๆนึงที่เด็กเยอรมันทุกคนจะได้เล่นในวันเกิดหรือวันคริสต์มาส ผู้ใหญ่จะเอาช๊อคโกแลตหรือของขวัญซ่อนไว้ในหม้อ เด็กๆจะต้องต้องปิดตา มีไม้หนึ่งอัน และใช้ไม้ตีหาหม้อไปเรื่อยๆ ถ้าเจอก็จะได้ช๊อคโกแลตหรือของขวัญไป จะว่าไปก็คล้ายๆเกมส์ปิดตาตีหม้อบ้านเราเลย
“เธออยากลองเล่นมั้ย” ซาช่าถามฉัน
“แน่นอน ฉันอยากลองเล่นก่อนเด็กๆที่โรงเรียนอยู่แล้ว” ฉันตอบตกลง

แล้วซาร่ากับซาช่าก็จับฉันปิดตา มอบไม้บรรทัดให้ฉันหนึ่งอัน แล้วให้ฉันปิดตาตีหม้อให้เจอ ฉันเล่นเหมือนเด็กๆ โดนผ้าผูกตา ฟาดไม้บรรทัดไปอย่างไร้ทิศทางเพื่อตามหาหม้อ มีเสียงของซาช่ากับซาร่าคอยตะโกนบอกทาง ซ้าย ขวา ถอยหลังหน่อยเธอจะชนโต๊ะแล้ว ในที่สุดเด็กหญิงเจินก็ฟาดไม้บรรทัดเข้าอย่างจังกับหม้ออลูมิเนียมดังแก๊งๆๆ แต่น่าเสียดาย ไม่มีช๊อคโกแลตเป็นรางวัลให้กับฉันในเกมส์นี้...ว้าาา แล้วซาช่าก็เลือกเกมส์นี้ไปเล่นกับเด็กๆที่โรงเรียนในวันรุ่งขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สองพี่น้องตะลุยบางกอก Day 2 : เที่ยววังในบางกอก ในตีมวนิดาตามหาคุณประจักษ์

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:8:.วัดหว่องไท่ซิน กับ(จมูก)สิงโตนำโชค

เที่ยว1วันกับการรถไฟ ขี้มูกดำแค่ไหนเรารู้ดี