บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:11:.วันที่ดูเหมือนจะว่าง

รูปภาพ
วันนี้เป็นวันที่พวกเราไม่ต้องออกไปไหน ไม่มีภารกิจนอกสถานที่ ดูเหมือนจะว่างใช่ไหมคะ แต่เปล่าเลย เราทุกคนต้องเตรียมงานที่เป็นภารกิจหลักของเรา ภารกิจที่นำพาทุกคนมายังค่ายแห่งนี้  Human Library หรือห้องสมุดมนุษย์นั่นเอง  อาสาสมัครทุกคนจะต้องทำตัวให้เป็นหนังสือพูดได้ ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของประเทศตัวเองให้เด็กๆชาวฮ่องกงฟัง เราจะเดินทางไปบอกเล่าเรื่องราวของเราที่โรงเรียนต่างๆ ทั้งโรงเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมการกันซักหน่อย สำหรับฉัน ฉันนำบัตรภาพสถานที่สำคัญของไทย ที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ประเพณีไทย การละเล่นเด็กไทย และน้องมะม่วงอูคุเลเล่ของฉันมาร้องเพลงไทยให้เด็กๆฮ่องกงฟังด้วย   เรานั่งทำงานกันอยู่ในออฟฟิศ SCI  ระหว่างที่ฉันนั่งเขียนสคริปส่วนตัว ส่วนคนอื่นๆก็เตรียมของเล่น เกมส์ หรือบัตรภาพไปพร้อมๆกับหาเรื่องมาคุยกัน “เธอชอบสัตว์อะไรที่สุด” ใครคนนึงถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ฉันชอบหอยทาก” ฉันตอบออกไป ทุกคนดูแปลกใจที่ผู้หญิงที่หน้าตาดูรักหมาอย่างฉัน กลับชอบสัตว์เลื้อยคลานที่มีเมือกลื่นๆ แต่ไม่ได้รักหมาเลยสักนิด “ถ้...

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:10:.ภารกิจที่สองของอาสาสมัครนานาชาติ ณ Saint Barnabas’ Society and Home

รูปภาพ
เช้าวันนี้เหล่าอาสา สมัครทุกคนต้องเดินทางไปปฐมนิเทศและทำความรู้จักกับ Service Civil International อย่างเป็นทางการที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งชั้นล่างจัดเป็นห้องประชุมขนาดกลาง  ภายในงานมีการกล่าวต้อนรับอาสาสมัครนานาชาติ และชาวฮ่องกงส่วนหนึ่งที่เข้ามาร่วมงานเพราะสนใจงานอาสาสมัคร  มีอาสาสมัครพี่เก่าชาวฮ่องกงที่มีประสบการณ์ไปทำค่ายระยะยาวที่ประเทศต่างๆมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง หลังจากนั้นแซมซึ่งเป็นพิธีกรเองก็เปิดโอกาสให้ทุกคนในงานได้แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ทำค่ายซึ่งกันและกัน โดยส่วนใหญ่จะให้ผู้สนใจชาวฮ่องกงมาพูดคุยกับอาสาสมัครนานาชาติอย่างเราๆซะมากกว่า  ตอนนั้นฉันบอกตามตรงว่า ฉันไม่รู้มาก่อนว่าจะมีคิวนี้ด้วย ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาสาสมัครนานาชาติในประเทศตัวเองเลย ฉันเลยได้แต่เล่าแค่ประสบการณ์ครูอาสาบนดอย และครูอาสาในโครงการทีชฟอร์ไทยแลนด์ไป ก็ไม่รู้ว่าคนที่มาคุยกับฉันเขาจะรู้เรื่องรึเปล่า เพราะตอนนั้นฉันเองก็สับสนในตัวเองอยู่เหมือนกกันเพราะไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า และภาษาอังกฤษในวันที่สองของฉันก็ยังคงอ่อนแอกระท่อนกระแท่นยิ่งนัก เฮ้อออ  ฉันมานั่ง...

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:9:.และแล้วเราก็ได้พบกัน สวัสดีเพื่อนๆอาสาสมัครนานาชาติ

รูปภาพ
ในที่สุด ฉัน ซาช่า และแมทธิวก็หาทางกลับมายังออฟฟิศ SCI ได้โดยสวัสดิภาพ ฉลาดมากค่ะ ภาพออฟฟิศที่ว่างเปล่าที่เราเห็นเมื่อเช้าตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลายเชื้อชาติ เราทั้งหมดแนะนำตัวซึ่งกันและกัน นั่นทำให้ฉันได้รู้จักเพื่อนร่วมค่ายนี้ทุกคน เริ่มจากเหล่าเจ้าหน้าที่ค่ายกันก่อน แซม บอสชาวศรีลังกาของพวกเรา ผู้ก่อตั้งองค์กร SCI: Service Civil International Hong Kong อย่างเป็นทางการ บอสผู้มาพร้อมความจริงจัง บรรยากาศบันเทิงเริงรื่นอาจจะสลายหายไปเมื่อแซมเริ่มต้นพูด แพท นายหญิงของพวกเรา ภรรยาของแซมนั่นเอง เธอเป็นชาวฮ่องกงและเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ บิลลี่ ชาวฮ่องกงผู้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง SCI ฮ่องกงร่วมกับแพทและแซม คนดีที่ทุกคนรักแต่ตั้งคำถามเสมอว่า “เป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมบิลลี่ไม่มีแฟน?” ซาร่า สาวชาวเยอรมนี เจ้าหน้าที่คนที่ฉันติดต่อด้วยมาตลอดตั้งแต่เริ่มสมัครค่ายและเป็นคนที่มารับฉันที่สนามบิน ซาร่าน่ารักและคุยเก่ง เธอรู้วิธีเข้าหาผู้คนและทำให้คนที่คุยกับเธอสบายใจได้เสมอ และฉันก็ได้ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของซาร่าในช่วงท้ายของค่ายนี้ด้วย ต้าตี้ ชาวจีนจากนครปักกิ่...

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:8:.วัดหว่องไท่ซิน กับ(จมูก)สิงโตนำโชค

รูปภาพ
เครเดิลกับเพอร์รี่พาฉัน แมทธิว และซาช่า ลงรถไฟใต้ดินไปยังสถานีวัดหว่องไท่ซิน วัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของฮ่องกงที่ทัวร์เกือบทุกทัวร์ต้องพาลูกทัวร์มาเยือน  รู้สึกดีจังที่ฉันได้มาฟรี อิอิ ก่อนเข้าไปเครเดิลผู้บ้าเซลฟี่ก็จัดการถ่ายรูปหมู่ของพวกเราหน้าประตูทางเข้าวัด เมื่อฉันได้เข้ามาสัมผัสกับวัดจีนๆ ในประเทศที่เรียกได้ว่าเป็น 1 ในประเทศจีน ความรู้สึกมันแบบโคตรจะจีนเลยล่ะค่ะ มันต่างจากที่เราไปวัดจีนในประเทศไทย ด้วยความที่เป็น Original กลิ่นไอความเป็นจีนจึงเข้มข้นยิ่งนัก ทุกสิ่งก่อสร้างในวัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ทั้งซุ้มประตูทางเข้า ตัวอาคารหลัก หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ และที่ซุ้มประตูทางเข้านั่นเอง มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันสะดุดตา มันคือสัตว์ประหลาดที่ดูแล้วน่าจะเป็นสิงโต แต่มีแผงคอทรงเดียวกับทรงผมของโงกุนจากดราก้อนบอล เจ้าสิงโตทั้งสองตัวนี้นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าใหญ่ ตัวของมันเป็นสีดำ แต่ตรงจมูกเนี่ยสิคะ เป็นสีทองที่เกิดจากการลูบไล้ของมือผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งหลายที่มาเยือนวัดแห่งนี้ ฉัน ซาช่า และแมทธิวก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องลูบจมูกเจ้าสิงโตทั้งสองจนผิวพรรณตรงดั้งจมูกของมันก...

เมื่อฉันไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศฮ่องกง |.:7:.ภารกิจแรกของอาสาสมัครนานาชาติ ภาค2

รูปภาพ
หลังจากมื้อกลางวันผ่านไป ทุกคนกลับขึ้นรถ เรากำลังมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไปของวันนี้ รถบัสจอดลงริมถนนหน้าวัดแห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้ชื่อวัดชียวนโก๊ะ ที่ประตูทางเข้าวัดมีรูปปั้นทหารสองคนยืนอยู่ จอร์แดนบอกกับเราว่าวัดนี้เป็นวัดเดียวที่มีทหารเฝ้าประตูเป็นทหารอินเดีย อื้มมม รูปปั้นโพกผ้าบนหัวเหมือนคนอินเดียจริงๆด้วย ทางเข้าวัดเป็นบันไดสูงชันวนขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนขึ้นเขาเลยค่ะ(ก็ขึ้นเขาจริงๆนั่นแหละ) มีชานพักระหว่างทางเผื่อคนเหนื่อยด้วย พอขึ้นมาถึงบริเวณวัด เราได้เห็นรูปปั้นเทพเจ้าเรียงรายกันอยู่ในตู้กระจกหลายองค์ด้วยกัน เครเดิลพยายามบอกว่าแต่ละองค์เป็นเทพเจ้าอะไร แต่เมมโมรี่ในสมองน้อยๆของฉันจำได้ไม่หมดจริงๆ แต่ที่เห็นแล้วจำได้เลยก็คือพระพุทธรูปลักษณะอ้วนลงพุง แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์มีโชคมีลาภ พระสังขจายให้ลาภหรือพระสังกัจจายน์นั่นเอง ก็แหม ในวัดพุทธของประเทศไทยก็มีรูปของท่านมากมายเหลือเกิน   เดินต่อไปอีกเราก็เจอกับตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ข้างในจัดแสดงหุ่นรูปปั้นเทพธิดา เทพเจ้า วัว และนกพิราบ อยู่ในฉากสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นนิทานตำนานเกี่ยวกับวันแห่งความรักของจีนนั่นเอง เด็กๆช่วยกันเล่...